ศิลปะและ AI : การผสานพลังเพื่อการออกแบบที่ล้ำสมัย

Datafarm
4 min readJul 24, 2024

การออกแบบด้วย AI ไม่ใช่เรื่องใหม่นักสำหรับใครหลาย ๆ คน ด้วยนวัตกรรมการออกแบบดิจิทัลที่ได้แซงหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ขึ้นมาเป็นสื่อหลักอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซอฟต์แวร์สำหรับการออกแบบงานต่าง ๆ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งนวัตกรรมเหล่านั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ก่อนที่เราจะมาถึงยุคที่ AI กำลังเป็นที่นิยม วันนี้ผมอยากพาเพื่อน ๆ ย้อนกลับไปดูว่ามนุษย์ได้ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการออกแบบสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างไรบ้าง ตั้งแต่การใช้มือเปล่า แปรง ดินสอ ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้เราได้เห็นความหลากหลายและความงดงามของงานศิลปะในรูปแบบที่น่าทึ่งมาก ๆ

ศตวรรษที่ 15

เรามาเริ่มย้อนไปในศตวรรษที่ 15

การออกแบบในยุคนี้ครอบคลุมทั้งศิลปะ สถาปัตยกรรม และสิ่งของเครื่องใช้ โดยในยุคนี้เป็นช่วงของเรเนซองส์ (Renaissance) ที่เน้นความงามและความเป็นเลิศทางเทคนิค โดยให้ความสำคัญกับความสมดุลและความสมบูรณ์แบบ ผสมผสานศิลปะและวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่งดงามและคงทน

ลักษณะเฉพาะสำคัญของการออกแบบในยุคนี้

  • ด้านสถาปัตยกรรม: ในยุคเรเนซองส์เริ่มต้นในอิตาลี โดยเน้นความสมมาตรและการใช้องค์ประกอบเชิงคณิตศาสตร์ เช่น มหาวิหารฟลอเรนซ์ การใช้เส้นโค้งและโครงสร้างทางเรขาคณิต เช่น โดม เสา และฐานเสา ที่ได้รับการออกแบบอย่างละเอียดอ่อน
  • ด้านศิลปะ: ในด้านจิตรกรรม เน้นความสมจริงและการใช้แสงเงา ศิลปินที่สำคัญๆ เช่น Leonardo da Vinci และ Michelangelo ส่วนในด้านประติมากรรม มีความละเอียดสูง เช่น ผลงานของ Donatello และ Michelangelo
  • ด้านการออกแบบสิ่งของ: การพิมพ์ของ Johannes Gutenberg ทำให้การออกแบบหนังสือมีการใช้ตัวอักษรที่สวยงามและภาพประกอบที่ละเอียด
  • ด้านแฟชั่น: การตัดเย็บเสื้อผ้ามีความละเอียดและหรูหรา โดยใช้ผ้าไหมและลูกไม้ในการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับชนชั้นสูง

เครื่องมือที่ใช้ในยุคนี้มีหลากหลาย

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานที่มีความงามและทนทานในยุคเรเนซองส์ ได้แก่

  • เข็มทิศและไม้บรรทัด: สำหรับการวาดแบบและการวัดขนาด
  • แม่แบบและตาราง: สำหรับการสร้างรูปทรงเรขาคณิต
  • พู่กันและสี: สำหรับการวาดภาพและประติมากรรม
  • เครื่องพิมพ์และตัวพิมพ์โลหะ: สำหรับการพิมพ์หนังสือ

ศตวรรษที่ 20

การออกแบบในศตวรรษที่ 20

เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ สถาปัตยกรรม การออกแบบผลิตภัณฑ์ และแฟชั่น ยุคนี้ได้รับการขับเคลื่อนโดยการเคลื่อนไหวทางศิลปะที่หลากหลายและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งได้สร้างลักษณะสำคัญและเครื่องมือใหม่ ๆ สำหรับการออกแบบงานศิลปะในศตวรรษนี้

ลักษณะเฉพาะสำคัญของการออกแบบในยุคนี้

  • สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ (Modernism): เน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชัน และการใช้งาน โดยใช้วัสดุสมัยใหม่ เช่น เหล็ก กระจก และคอนกรีต ผลงานของสถาปนิกอย่าง Le Corbusier และ Frank Lloyd Wright เป็นตัวอย่างที่เด่นชัด
  • ด้านศิลปะ: มีความหลากหลายและเอกลักษณ์ เช่น ศิลปะอาร์ต เดโค (Art Deco) ที่สะท้อนความหรูหราและลวดลายทางเรขาคณิต นอกจากนี้ยังมีศิลปะแนวป๊อปอาร์ต (Pop Art) ที่เน้นการใช้ภาพจากวัฒนธรรมป๊อปและสื่อมวลชน เช่น ผลงานของ Andy Warhol และ Roy Lichtenstein
  • ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์: ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยการออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial Design) เน้นการผลิตแบบมวลชนและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และยานพาหนะ โดยมีผลงานของนักออกแบบเช่น Dieter Rams และ Charles and Ray Eames ส่วนการออกแบบกราฟิก (Graphic Design) ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการพิมพ์และสื่อดิจิทัล เพื่อสร้างโลโก้ โปสเตอร์ และงานโฆษณาที่โดดเด่น เช่น ผลงานของ Paul Rand และ Saul Bass
  • ด้านแฟชั่นในศตวรรษที่ 20: มีการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่น โดยในยุค 1920 (Roaring Twenties) เน้นความเป็นอิสระและความแปลกใหม่ในแฟชั่น เช่น การออกแบบของ Coco Chanel ขณะที่ในยุค 1960 เน้นความเป็นเอกลักษณ์และความกล้าหาญในการออกแบบ เช่น การสร้างสรรค์มินิสเกิร์ตโดย Mary Quant

เครื่องมือที่ใช้ในยุคนี้มีหลากหลาย

การออกแบบในศตวรรษที่ 20 เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ โดยมีการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้เกิดนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในหลายด้าน ได้แก่

  • การใช้คอมพิวเตอร์: สำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมด้วยโปรแกรม CAD และการออกแบบกราฟิกด้วยโปรแกรม Adobe ต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
  • วัสดุใหม่ ๆ : การพัฒนาและการใช้วัสดุใหม่ ๆ เช่น พลาสติก สแตนเลส และวัสดุสังเคราะห์ ทำให้การออกแบบมีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ศตวรรษที่ 21

กลับมาที่ปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการสร้างสรรค์ของศตวรรษที่ 21: แม้จะต้องใช้เวลาในการคุ้นเคยกับเครื่องมือ AI ใหม่ ๆ แต่คุณจะพบว่ามันช่วยขจัดปัญหาเก่าและเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับงานของคุณ ดังนั้น การเรียนรู้เครื่องมือ AI สำหรับนักออกแบบจึงเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ผมขอแนะนำเครื่องมือ AI จาก ค่าย Adobe ที่จะช่วยทำให้ผลงานศิลปะของคุณยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

ภาพจาก: https://helpx.adobe.com/photoshop/using/generate-background.html

Adobe ได้ทำการพัฒนากระบวนการที่น่าเบื่อที่สุดให้กลายเป็นอัตโนมัติเพื่อให้งานออกแบบง่ายและเร็วยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ก่อนที่เครื่องมือ Generate Background จะถูกพัฒนาขึ้น หากคุณต้องการเปลี่ยนพื้นหลังของภาพใน Adobe Photoshop คุณต้องใช้เวลามากในการทำ ตั้งแต่ค้นหาภาพที่ต้องการจากอินเทอร์เน็ต และลากเส้นตามวัตถุเพื่อลบพื้นหลังเดิมออกก่อน จึงใส่พื้นหลังใหม่เข้าไปแทนที่ได้ ซึ่งทำให้เกิดขั้นตอนที่ซับซ้อนและอาจไม่แม่นยำ แต่หลังจากที่มีเครื่องมือ AI ที่ชื่อ Generate Background ทุกอย่างง่ายขึ้นมากเพียง

  1. กด Remove Background
  2. พิมพ์ข้อความที่ต้องการเข้าไปใน Prompt เช่น “pink petals in water” แล้วกด Generate
  3. คุณจะได้ภาพพื้นหลังที่ต้องการดังภาพตัวอย่างได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้วิธีเดิมที่มีขั้นตอนซับซ้อนและใช้เวลานานมากกว่า

นอกจากนี้ฟีเจอร์ AI อื่น ๆ ที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักออกแบบ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ได้พัฒนาโมเดล AI ที่สามารถสร้างภาพตามคำสั่งด้วยข้อความง่าย ๆ โมเดลเหล่านี้ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล ยิ่งได้รับการฝึกฝนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสามารถมากขึ้น ตอนนี้คุณสามารถสร้างภาพที่น่าประทับใจได้เพียงพิมพ์คำไม่กี่คำ ทำให้คุณทดลองกับแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ได้อย่างง่ายดาย ต่อไปนี้ผมขอนำเสนอตัวอย่างโปรแกรมจาก Adobe ที่มีการพัฒนาเครื่องมือ AI เข้าไปให้ผู้ใช้ลองใช้กันนะครับ

การใช้ AI ในการออกแบบกราฟิก

นี่คือตัวอย่างบางส่วนของสิ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วยการใช้ AI ในการออกแบบกราฟิก

Adobe Photoshop

การใช้งานใหม่ของเครื่องมือ Remove การอัปเดตนี้ คุณสามารถใช้เครื่องมือ Remove เพื่อวาดลูปครอบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการในภาพของคุณและลบออกได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่น่าทึ่งคือคุณไม่จำเป็นต้องปิดลูป เพราะ Photoshop จะทำให้คุณเอง! ทำให้คุณสามารถลบพื้นที่ขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องลำบากในการแปรงพื้นที่ทั้งหมดเพียงทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ใช้เครื่องมือ Remove tool
  2. เลือกขนาดแปลงที่จะใช้ลบวัตถุที่ต้องการจะลบออก
  3. โปรแกรม Photoshop จะทำการประมวลผลให้คุณแบบอัตโนมัติ
  4. คุณจะได้ภาพพื้นหลังที่ต้องการแบบรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีที่ซับซ้อนเหมือนเดิมอีกต่อไป
ภาพจาก: https://helpx.adobe.com/th_th/photoshop/using/whats-new/mobile-2024-4.html

Adobe Illustrator

ฟีเจอร์ Generative Recolor ซึ่งขับเคลื่อนด้วยโมเดล AI สร้างสรรค์ของ Adobe ช่วยให้คุณปรับสีผลงานเวกเตอร์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพียงป้อนคำอธิบายง่าย ๆ เกี่ยวกับพาเลตหรือธีมสีที่ต้องการ จากนั้น Illustrator จะสร้างรูปแบบต่าง ๆ ให้คุณเลือกสรรและปรับใช้ได้ตามความต้องการ เพียงทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. เลือกผลงานของคุณ จากนั้นเลือก Edit > Edit Colors >
  2. เลือก Generative Recolor
  3. พิมพ์ข้อความโทนสีที่ต้องการลงไปใน Prompt เช่น “pastel rainbow” แล้วกด Generate
  4. โปรแกรมจะทำการ Generate สีออกมาให้คุณเลือกอย่างหลากหลายตามคีย์เวิร์ดที่ระบุ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเลือกเปลี่ยนสีทีละจุดอีกต่อไป
ภาพจาก: https://helpx.adobe.com/illustrator/using/generative-recolor.html

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ จะได้ความรู้ไม่มากก็น้อย ถึงวิวัฒนาการของการใช้เครื่องมือและลักษณะเฉพาะในการสร้างสรรค์งานออกแบบในแต่ละยุคสมัย ซึ่งในยุคปัจจุบัน คุณสามารถสำรวจความมหัศจรรย์ของ AI ด้วยตัวคุณเอง และสัมผัสถึงความเป็นไปได้ว่าเครื่องมือ AI เป็นการขยายทักษะการออกแบบของคุณและประสบการณ์ที่คุณจะพัฒนาในฐานะนักออกแบบ เครื่องมือ AI จะช่วยให้คุณนำความสามารถของคุณไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นความจริงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ คุณยังคงเป็นนักออกแบบ และยังคงเป็นผู้ควบคุมการใช้ AI เพื่อช่วยสร้างสรรค์งานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม

Reference

--

--

No responses yet