การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล

Datafarm
2 min readFeb 7, 2025

สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านครับ สำหรับในบทความนี้จะเป็นเรื่องของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเฟื่องฟูในปัจจุบันนะครับ ซึ่งเนื้อหาจะประกอบไปด้วยความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการและความท้าทายในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้นแล้วเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราเริ่มเข้าสู่เนื้อหาของบทความกันเลยครับ

ความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่สำคัญมากในยุคที่เราใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกรรม การสื่อสาร และการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ โดยข้อมูลส่วนบุคคลมีความเสี่ยงที่จะถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งในด้านการเงินและความเป็นส่วนตัว

  1. ความเป็นส่วนตัว: ข้อมูลส่วนบุคคลของเราเป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของเรา การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลช่วยให้เราไม่สูญเสียความเป็นส่วนตัวและถูกควบคุมข้อมูลจากผู้ไม่หวังดี
  2. ความปลอดภัย: การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์และการขโมยข้อมูลที่อาจนำไปสู่การกระทำผิดกฎหมายหรือการฉ้อโกง
  3. การปฏิบัติตามกฎหมาย: การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลช่วยให้เราปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ในประเทศไทย
  4. การสร้างความไว้วางใจ: การแสดงให้เห็นว่าเรามีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวดซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า ผู้ใช้งาน หรือพนักงานขององค์กร
  5. การป้องกันการฉ้อโกง: ข้อมูลส่วนบุคคลสามารถใช้ในการกระทำฉ้อโกงหรือปลอมแปลงได้ ดังนั้นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นการลดความเสี่ยงนี้

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลไม่เพียงแต่ช่วยให้เราปลอดภัยจากการถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดี แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจในการใช้บริการหรือทำธุรกรรมออนไลน์อีกด้วย

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

ในปัจจุบันหลายประเทศได้มีการกำหนดกฎหมายที่ใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ในสหภาพยุโรปมีการกำหนดใช้งานกฎหมาย GDPR (General Data Protection Regulation), ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกามีการกำหนดใช้งานกฎหมาย CCPA (California Consumer Privacy Act) และในประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลคือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือที่เรียกกันว่า Personal Data Protection Act (PDPA) ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นมา

สำหรับกฎหมาย PDPA มีเนื้อหาสำคัญที่รวมถึงการกำหนดความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) รวมถึงการให้ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject)

วิธีการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

ในส่วนของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในมุมมองของผู้ให้บริการมีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

  1. การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) ใช้การเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การเข้ารหัสข้อมูลคือการเปลี่ยนข้อมูลเป็นรูปแบบที่ไม่สามารถอ่านได้โดยบุคคลที่ไม่มีรหัสผ่านหรือกุญแจการถอดรหัส การเข้ารหัสข้อมูลช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลปลอดภัยมากขึ้น
  2. การควบคุมการเข้าถึง (Access Control) จำกัดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะผู้ที่มีสิทธิ์เท่านั้น การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลเฉพาะผู้ที่มีสิทธิ์เท่านั้น เป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลสำคัญ วิธีการควบคุมการเข้าถึงอาจรวมถึงการใช้รหัสผ่าน การใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองขั้นตอน และการควบคุมการเข้าถึงโดยการระบุบทบาท (Role-Based Access Control)
  3. การให้ความรู้และฝึกอบรม ให้ความรู้แก่พนักงานและผู้ใช้งานเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล การให้ความรู้แก่พนักงานและผู้ใช้งานเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการเพิ่มความตระหนักรู้และความเข้าใจในวิธีการรักษาความปลอดภัยข้อมูล การฝึกอบรมสามารถรวมถึงการอธิบายนโยบายความปลอดภัยและการแนะนำวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
  4. การตรวจสอบและการป้องกันภัยคุกคาม ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส ไฟร์วอลล์ และระบบตรวจจับการบุกรุก (Intrusion Detection Systems) เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
  5. การสร้างนโยบายความเป็นส่วนตัว จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับวิธีการเก็บและใช้ข้อมูล การจัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนและครอบคลุม เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับวิธีการเก็บรวบรวม ใช้ และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายความเป็นส่วนตัวควรจะเป็นเอกสารที่เข้าถึงได้ง่ายและอธิบายอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจถึงสิทธิและข้อกำหนดในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตน

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในมุมมองของบุคคลทั่วไป

มีแนวทางการปฏิบัติดังนี้

  1. ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกันกับระบบอื่น ๆ โดยพิจารณาใช้รหัสผ่านที่มีความยาวที่เหมาะสมและประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์หรืออักขระพิเศษ นอกจากนี้แล้วควรหลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านเดียวกันกับหลายเว็บไซต์
  2. เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์สองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) โดยเพิ่มชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมให้กับบัญชีของผู้ใช้งาน เช่นการใช้รหัส OTP การยืนยันตัวตนด้วย Biometrics เป็นต้น
  3. อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ โดยการอัปเดตจะช่วยแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มการป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดีได้
  4. ระวังการหลอกลวงทางอีเมล (Phishing) อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากอีเมลที่คุณไม่รู้จักหรือไม่น่าเชื่อถือ
  5. ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย โดยหลีกเลี่ยงการใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะเมื่อทำธุรกรรมที่สำคัญและใช้ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  6. จัดการสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล โดยตรวจสอบและควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันและบริการต่าง ๆ ที่มีการใช้งาน ให้สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
  7. ทำการสำรองข้อมูล (Backup) โดยจัดทำสำรองข้อมูลสำคัญไว้ที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลสำคัญ

ความท้าทายในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากในยุคดิจิทัลเพราะข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าที่ต้องการการดูแลและปกป้องอย่างดีที่สุด ความท้าทายที่ต้องเผชิญครอบคลุมหลายด้าน ดังนี้

  1. การอัปเดตของเทคโนโลยี เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยจึงต้องอัปเดตตามไปด้วย
  2. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ ปัจจุบันมีการเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์มากขึ้น ดังนั้นแล้วข้อมูลที่เก็บบนคลาวด์ต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด
  3. การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก เนื่องจากการใช้งานออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเราถูกเก็บรวบรวมมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้การจัดการและปกป้องข้อมูลเป็นงานที่ยากขึ้น ดังนั้นแล้วการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อมีการเก็บข้อมูลจำนวนมากเป็นเรื่องที่ท้าทาย
  4. การโจมตีทางไซเบอร์ ผู้ไม่ประสงค์ดีหรือแฮ็กเกอร์และอาชญากรไซเบอร์มีวิธีการที่ซับซ้อนขึ้นในการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมขึ้น
  5. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้ใช้งานมักไม่ทราบว่าข้อมูลของตนถูกเก็บและใช้ในลักษณะใด แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มจึงต้องมีการชี้แจงให้ชัดเจน
  6. การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนด หลายประเทศได้ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้องค์กรต้องมีการปรับปรุงวิธีการจัดการข้อมูลเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดต่าง ๆ เหล่านี้ บุคคล เช่นกฎหมาย GDPR ในยุโรป หรือ PDPA ในประเทศไทย ต้องมีการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  7. การให้ความรู้และเพิ่มการตระหนักรู้ การให้ความรู้และการฝึกอบรมเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลให้กับพนักงานและผู้ใช้ทั่วไปเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญและวิธีการปกป้องข้อมูล ผู้ใช้งานควรได้รับการศึกษาว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนมีความสำคัญและวิธีการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
  8. ความปลอดภัยในการส่งข้อมูล การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการดักจับข้อมูล การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยในเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญ
  9. การจัดการข้อมูลในองค์กร องค์กรต้องมีมาตรการและนโยบายการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต การประมวลผลข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม และการรั่วไหลของข้อมูล

ปกป้องข้อมูลและองค์กรของคุณด้วย Threat Intelligence Platform จาก Datafarm

ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง การป้องกันเชิงรุกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บริษัทดาต้าฟาร์มขอเสนอ Threat Intelligence Platform (TIP) เครื่องมือที่ทรงพลังในการรวบรวม วิเคราะห์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์

ด้วย TIP คุณจะได้รับข้อมูลภัยคุกคามจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในองค์กร ที่ถูกแปลงเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถใช้งานได้จริง ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจจับ ยืนยัน และตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของ TIP จาก Datafarm:

  1. ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถใช้งานได้: รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลภัยคุกคามจากหลากหลายแหล่ง
  2. การตอบสนองที่รวดเร็ว: ยืนยันและตอบสนองต่อภัยคุกคามอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ปกป้องข้อมูลและทรัพย์สินขององค์กร: สร้างความมั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่สำคัญ
  4. เพิ่มความมั่นใจในการปกป้ององค์กรของคุณด้วย Threat Intelligence Platform จาก Datafarm

หากสนใจบริการ Threat Intelligence Platform ดังกล่าวสามารถติดต่อเว็บไซต์ของเราได้เลยครับ

--

--

No responses yet