Dev ต้องทำอย่างไรในยุคที่ AI แทบจะทำงานแทน !!!
ปัจจุบันเราต้องยอมรับว่า AI นั้นเข้ามามีบทบาทอย่างมากในทุกๆด้านทุกๆวงการรวมไปถึงการเขียนโค้ดของ Dev เพราะด้วยความฉลาดของ AI และการใช้งานง่ายของแต่ละเครื่องมือแม้แต่ None IT ก็สามารถสร้างระบบขึ้นมาได้ด้วยคำสั่งเดียว ด้วยความสามารถนี้ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการทำงานของหลากหลายอาชีพ รวมไปถึงเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ พูดถึงตรงนี้พี่ๆน้องๆอาจจะมีความกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่เราแล้วหรือเปล่าน้าาาา คำถามสำคัญคือ “Dev ยังจำเป็นอยู่ไหม?”❗😱 และที่สำคัญกว่า “Dev ควรปรับตัวยังไง?” 🤔
👉อย่างแรกเลยสิ่งที่จะทำให้คุณเป็น Dev ที่เก่งได้ต้องมีพื้นฐานดี เพราะพื้นฐานแน่น คือรากฐานที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้ แม้ AI จะช่วยเขียนโค้ดให้เราได้แทบทุกภาษา แต่ถ้าขาดความเข้าใจพื้นฐานที่ดี เราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโค้ดที่ AI สร้างขึ้นทำงานถูกต้องหรือไม่ การมีพื้นฐานที่แน่นในเรื่องเหล่านี้จึงสำคัญมาก เพราะถ้าไม่อยากที่จะเสียเวลามาเก็บพื้นฐานที่หลังจนเจอปัญหาใหญ่สุดคือการรื้อทำใหม่นั้นแล้วอะไรบ้างที่เป็นพื้นฐานการเขียนโปรแกรมที่ชาว Dev ควรมี
1. โครงสร้างข้อมูลและอัลกอริธึม: ทำให้เข้าใจ Data Structure แล้วต้องรู้ Algorithm คือวิธีการที่เราจะใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ และเลือกใช้โซลูชันได้เหมาะสม
2. การออกแบบระบบ (System Design): เพื่อวางโครงสร้างและแนวทางของซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสร้างซอฟต์แวร์ที่ขยายได้ ทำให้ทั้งเราและทีม สามารถพัฒนาและบำรุงรักษาโปรแกรมที่เขียนมาได้ง่าย
3. หลักการของภาษาโปรแกรม: เข้าใจ syntax ลึกพอที่จะ debug ได้เมื่อ AI ให้คำตอบผิดเพราะถ้าจะให้ AI เขียนโค้ดให้ เราก็ต้องเข้าใจโค้ดก่อน โค้ดแต่ละบรรทัดมันทำงานอะไร แก้ปัญหาตามที่เราได้ออกแบบหรือไม่
4. พื้นฐานของความปลอดภัย (Security Basics): สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการทดสอบ เพื่อป้องกันระบบจากช่องโหว่ที่ AI อาจมองข้าม การตรวจหาข้อผิดพลาด (bug) และแก้ไขให้โปรแกรมทำงานได้สมบูรณ์ต่อการใช้งาน
5. ความเข้าใจด้านคอมพิวเตอร์เบื้องต้น (เช่น Networking, OS, Database): ทำให้ Dev เชื่อมโยงทุกชิ้นส่วนของระบบได้ เราจะต้องรู้ว่าการจัดการไฟล์ เข้าใจเรื่องของ OS มันจะช่วยให้เราสามารถใช้ทรัพยากรของระบบได้อย่างเต็มที่
ตัวอย่าง:
AI อาจเขียน query SQL ให้เราได้ภายใน 2 วิ แต่ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่อง Index, Joins หรือ Transaction เราจะไม่รู้เลยว่ามันจะทำให้ระบบช้า หรือเกิดปัญหาด้านข้อมูลตามมา😬
AI อาจช่วยประหยัดเวลาในการเขียน แต่ไม่ได้ช่วยในการเข้าใจ เสมอไป ดังนั้น Dev ที่มีพื้นฐานแน่นจะสามารถใช้ AI ได้อย่างเต็มศักยภาพ และไม่หลงทางเมื่อเจอปัญหาที่ซับซ้อน 🙂 พื้นฐานที่แน่นคืออาวุธที่ทำให้เราใช้ AI ได้ “อย่างรู้เท่าทัน” ไม่ใช่ใช้แบบงง ๆ แล้วจบด้วย bug
👉ข้อต่อมาเปลี่ยนจากผู้ลงมือ เป็นผู้วางกลยุทธ์ ในอดีต Dev มักเน้นลงมือเขียนโค้ดเป็นหลัก แต่ในยุค AI สิ่งที่มีค่ามากกว่าคือ “ความเข้าใจเชิงลึกในปัญหา” และการออกแบบโซลูชันอย่างมีกลยุทธ์ 😮 Dev ที่เก่งในวันนี้จึงไม่ใช่แค่คนที่เขียนโค้ดได้เร็ว แต่คือคนที่เข้าใจ business logic และสามารถใช้ AI ให้ทำงานซ้ำซากแทนตนเองได้ 👍 และการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญขึ้นในยุค AI ในเมื่อมันมีความสามารถที่เก่งมากๆเขียนโค้ดเพียงคำสั่งเดียวก็สามารถได้มาซึ่งโปรเจกต์สำเร็จรูปแล้ว เพราะฉะนั้นในเมื่อ Dev สมัยนี้ทำงานกับบุคคลหลากหลายสายงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เซลส์ มาร์เก็ตติ้ง ทีมค้นคว้า แทบจะทุกแผนก การทำงานเป็นลักษณะนี้ยังต้องใช้มนุษย์ แม้ AI จะเก่งแค่ไหน แต่ความสามารถในการสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นยังเป็นจุดที่ Dev มีเหนือกว่า AI อยู่มากเราจึงมีโอกาสเสนอแนวทาง ความคิด ไอเดียใหม่ๆที่สร้างสรรค์แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับทีมต่างๆได้ หน้าที่ของเราจึงเปลี่ยนไปเป็น”คนคิด” มากกว่า “คนพิมพ์”
ตัวอย่าง: แทนที่จะเสียเวลานั่งเขียนฟอร์มลงทะเบียนทีละฟิลด์ ลองใช้ AI ช่วย generate form มาให้ แล้วเราไปโฟกัสกับ logic หลังบ้าน, การจัดการ error หรือ UX ว่ากรอกง่ายไหม ดีกว่าไหม?🫤
Dev ต้องทำยังไงบ้างถึงจะเป็น “นักวางกลยุทธ์”?🤔
- ฝึกตั้งคำถามก่อนเริ่มทำ — อย่าเพิ่งเขียนโค้ด ถ้ายังไม่เข้าใจปัญหาจริง ๆ
- เข้าใจ business logic — ว่าสิ่งที่ทำส่งผลกับผู้ใช้งานยังไง
- ออกแบบระบบให้ scale ได้ — คิดล่วงหน้าเผื่อระบบโตขึ้น
- ดูแลโครงสร้างโค้ดให้ดีตั้งแต่แรก — เพื่อให้ทีมอื่นมาอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย
- แบ่งความรับผิดชอบของแต่ละส่วนให้ชัด — เช่น แยก concerns ของ frontend/backend, service, data flow
Dev ยุคใหม่ต้อง “คิดก่อนโค้ด” เป้าหมายไม่ใช่แค่เขียนเสร็จ แต่ต้องเขียนให้ ตรงจุด มีแผน และพร้อมเติบโตเป็นคนที่เข้าใจปัญหาในภาพใหญ่ และมองไกล
👉“ใช้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่คู่แข่ง” หลายคนเห็น AI เขียนโค้ดเร็ว เรียก API ได้แม่น ฃทำโปรเจกต์จบใน 10 นาทีแล้วเริ่มรู้สึกใจหวิว ๆ แบบว่า… “ฉันจะยังมีประโยชน์อยู่มั้ยเนี่ย?” หรือบางคนก็เริ่มระแวงเลยว่า AI กำลังจะมาแย่งงานฉันแน่ ๆ แต่ความจริงคือ AI ไม่ได้เกิดมาเพื่อแข่งกับเรา
มันเกิดมาเพื่อ “เสริมพลัง” ให้เราทำงานได้ไวขึ้น ฉลาดขึ้น เหมือนมีผู้ช่วยประจำโต๊ะที่ตอบได้ทุกเรื่อง (แต่บางทีก็เพี้ยนบ้าง 😄)
ลองนึกแบบนี้…ถ้ามีคนให้ค้อนกับคุณแล้วคุณไปต่อยกับค้อน นั่นคือคุณมองมันเป็น “คู่แข่ง ” 👊🔨 แต่ถ้าคุณใช้ค้อนตีตะปู ทำเฟอร์นิเจอร์ นั่นคือคุณมองมันเป็น “เครื่องมือ” AI ก็เหมือนค้อนนั่นแหละ ถ้าคุณรู้วิธีใช้ มันจะเป็นเครื่องมือที่โคตรทรงพลัง แต่ถ้าเอามาแข่งกันว่าใครพิมพ์โค้ดเร็วกว่า ก็จบไม่สวยแน่ ๆ 🫠
แล้วเราจะใช้ AI ให้ “เป็นเครื่องมือ” ได้ยังไง?
- ให้ AI ทำสิ่งที่ซ้ำ ๆ น่าเบื่อแทนเรา
○ เช่น เขียน test case, แปลง JSON schema, generate dummy data ฯลฯ
○ หรือจะใช้ให้มัน refactor โค้ดที่ดูรก ๆ ก็ได้ สะดวกมาก!
2. ใช้ AI เป็นที่ปรึกษาเบื้องต้น
○ ลองถามมันว่า “ควรใช้โครงสร้างข้อมูลอะไรดีในกรณีแบบนี้?”
○ หรือ “ใน Next.js จะเชื่อม API แบบไหนดี?” แล้วเอาคำตอบไปต่อยอด
3. ให้ AI ช่วย brainstorming
○ สมมติจะออกแบบ dashboard ใหม่ ลองให้ AI เสนอว่า “ควรมี metric อะไรบ้าง?”
○ หรือให้มันช่วยคิดชื่อฟีเจอร์ ชื่อแอป ฯลฯ ช่วยให้คิดไวขึ้น
4. ใช้ AI เขียนโค้ดบางส่วน แล้วเรามาปรับปรุงให้เหมาะกับบริบท
○ เหมือน AI วางโครง เราเติมดีเทลและ fine-tune
ข้อควรระวัง (ไม่ใช่ทุกอย่างที่ AI บอกจะถูกเสมอ)
ถึง AI จะช่วยเยอะ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น:
● ตอบผิดได้ (Hallucination)
● เข้าใจบริบทของระบบเรายังไม่ดีพอ
● เขียนโค้ดที่ “ใช้ได้” แต่ “ไม่ดีที่สุด”
ดังนั้น Dev ต้องยังเป็นคนตัดสินใจสุดท้ายเสมอ อย่าเชื่อทุกคำที่มันพูดแบบไม่คิดเอง AI คือผู้ช่วยที่ทำงานเร็ว ไม่บ่น และไม่หลับ 🙂 ถ้าใช้ให้เป็น มันจะช่วยประหยัดเวลาได้มหาศาล และทำให้เรามีเวลาคิดเรื่องสำคัญ ๆ มากขึ้น Dev ที่รู้จัก “ใช้” AI จะได้เปรียบมากกว่า Dev ที่ “กลัว” หรือ “แข่ง” กับมัน แทนที่จะถามว่า “เราจะสู้ AI ได้ไหม” ลองถามใหม่ว่า “เราจะใช้ AI ทำให้เราสู้ได้เก่งขึ้นได้ยังไง?” 🙂🤔
👉“อัปเดตตัวเองอยู่ตลอดเวลา” เพราะโลกของ Dev เปลี่ยนเร็วมากจริง ๆ เมื่อวานยังเขียน Class Component อยู่ วันนี้ทุกคนพูดเรื่อง React Server Components กันแล้ว 😮เมื่อก่อนเขียน Node.js ธรรมดา พอมาตอนนี้ก็เริ่มไปสาย Deno, Bun หรือ Fullstack ด้วย AI หมดแล้ว 😲
ทำไมต้องอัปเดต? เพราะเทคโนโลยีคือสิ่งที่ ไม่มีวันหยุดนิ่ง สิ่งที่เราใช้ในวันนี้ อาจจะถูกเลิกใช้ในอีก 1–2 ปีข้างหน้า 😱ถ้าเราไม่อัปเดตตัวเองเลย มีโอกาสที่เราจะหลุดวงโคจร และกลายเป็น “Dev ตกยุค” โดยไม่รู้ตัว 🫣
วิธีง่าย ๆ ในการอัปเดตตัวเองแบบไม่เครียด
- ติดตามแหล่งข่าว Dev แบบเบา ๆ
○ Twitter, Dev.to, Hacker News, YouTube ช่องโปรด, Reddit หรือ Blog ต่าง ๆ
○ ไม่ต้องอ่านทุกอย่าง แค่รู้ว่า “ตอนนี้วงการพูดเรื่องอะไรอยู่” ก็พอ
2. ดูคลิปหรืออ่านบทความสั้นวันละนิด
○ ระหว่างนั่งรถไฟฟ้า หรือก่อนนอนก็ได้
○ คลิปรีวิวไลบรารีใหม่ ๆ, ฟีเจอร์ใหม่ใน Next.js, หรือ React 19 มีอะไรเพิ่ม ฯลฯ
3. ลองของใหม่บ้างในโปรเจกต์เล่น
○ อย่าเอาโปรดักชันมาทดลองของทันที
○ แต่ลองเขียนแอปเล็ก ๆ โดยใช้ของใหม่ เช่น ใช้ Tailwind, tRPC, Next.js App
Router ฯลฯ
4. เข้ากลุ่ม/คอมมูนิตี้
○ เช่น Discord, Facebook Group หรือ LINE Group ที่มีคนสาย Dev รวมตัวกัน
○ เราจะเห็นว่าคนอื่นกำลังสนใจอะไร แล้วยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ด้วย
แล้วต้องอัปเดตแค่ไหนถึงจะ “พอ”?
ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเทคโนโลยีลึก ๆแต่ควรมี mindset ว่า “พร้อมเปิดรับ” และ “เข้าใจภาพรวมได้”
Dev ที่อัปเดตตัวเองตลอดเวลา คือคนที่อยู่รอดได้ในวงการที่เปลี่ยนไวแบบนี้อย่ารอให้เทคโนโลยีใหม่เข้ามา “แทน” เรา ให้เราเป็นคนที่ “ทัน” มันก่อน แล้วใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวเองโลก Dev ไม่เคยหยุดเดิน เพราะฉะนั้นคนทำงานในโลก Dev ก็หยุดไม่ได้เหมือนกัน
👉“ทำในสิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้” ถ้าใครรู้สึกว่า “โอ๊ย… AI มันเก่งทุกอย่างเลย จะเหลืออะไรให้มนุษย์ทำมั้ยเนี่ย?”ใจเย็นก่อนครับ! ถึง AI จะเก่งจริง แต่มันก็ยังมี “จุดอ่อน” ที่คนอย่างเรา ๆ ยังทำได้ดีกว่าอยู่เยอะเพราะสุดท้ายแล้ว AI ไม่ใช่คนมันไม่มีอารมณ์ ไม่มีสัญชาตญาณ ไม่มีความเข้าใจโลกแบบที่มนุษย์มี (และก็ไม่มีประสบการณ์การนั่งประชุม 3 ชั่วโมงโดยไม่ได้พูดอะไรเลยเหมือนเราด้วย 😆)
แล้วอะไรคือ “สิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้”?
1. การเข้าใจมนุษย์แบบลึกซึ้ง : AI อาจจะตอบได้ว่า UX ที่ดีควรมีปุ่มสีฟ้าใหญ่ ๆแต่มันไม่รู้หรอกว่า “คนใช้จริง ๆ” รู้สึกยังไงเวลาใช้งานว่าเขาจะลังเลตรงไหน, สับสนกับคำว่า “ยืนยัน” กับ “ตกลง” รึเปล่า, หรือรู้สึกน่าเบื่อไหม Dev ที่เข้าใจผู้ใช้ จะสร้างประสบการณ์ที่ดีได้มากกว่าแค่ “เขียนให้ทำงานได้”
2. การสื่อสารกับคน (ที่ไม่ใช่ AI) : Dev ไม่ได้ทำงานอยู่คนเดียวเราต้องคุยกับทีม Product, Designer, ลูกค้า, หรือแม้แต่ Dev คนอื่น
AI ไม่สามารถ:
● เข้าประชุมแล้วตีความ Requirement ที่คลุมเครือ
● คุยกับลูกค้าแล้วถามกลับให้ตรงจุด
● สื่อสารอย่างมีอารมณ์ขัน หรือมี “น้ำใจ” ในทีม
3. การตัดสินใจบนพื้นฐานของความไม่ชัดเจน : หลายครั้งเราไม่ได้มีข้อมูลครบบาง Requirement ก็เขียนมาไม่รู้เรื่อง บางโปรเจกต์ก็ต้องลงมือก่อนแล้วค่อยหาทางไปต่อ AI ชอบอะไรที่มี pattern ชัด ๆ แต่มนุษย์เราชินกับความมั่ว 😂 และยังสามารถใช้ “วิจารณญาณ” ตัดสินใจได้ดีกว่าในสถานการณ์แบบนั้น
4. ความคิดสร้างสรรค์แบบนอกกรอบ : AI เก่งในสิ่งที่ “เคยมีคนทำมาแล้ว” แต่มันยังไม่เก่งในการ “คิดสิ่งใหม่” หรือ “สร้างสรรค์สิ่งที่ไม่มีในโลก”
ลองนึกถึง Dev ที่:
● ออกแบบ UX ที่เรียบง่ายแต่น่าทึ่ง
● คิดไอเดียโปรเจกต์ที่ไม่มีใครเคยทำ
● ตั้งชื่อฟีเจอร์ให้ชวนว้าว
AI เก่งเรื่อง ประมวลผลซ้ำ ๆ, เขียนโค้ดตามแบบแผน, สรุปข้อมูลเร็ว ๆ แต่ Dev ที่ดีต้องเก่งเรื่อง เข้าใจคน, สื่อสาร, ตัดสินใจ, และ สร้างสรรค์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกที่ AI เก่งขึ้นทุกวัน ก็ต้อง ทำในสิ่งที่มันยังเลียนแบบเราไม่ได้ และเชื่อเถอะครับ… 😎ยังมีอีกหลายอย่างที่มันเลียนแบบไม่ได้จริง ๆ✌
AI ไม่ได้มาทดแทน Dev แต่เปลี่ยนบทบาทของ Dev ไป จากผู้ทำงานตามคำสั่ง มาเป็นผู้ออกแบบและตัดสินใจอย่างมีกลยุทธ์ ใครที่ปรับตัวได้ก่อน เข้าใจทิศทางเทคโนโลยี และใช้ AI อย่างชาญฉลาด จะไม่เพียงแค่ “อยู่รอด” แต่ยังสามารถ “เติบโต” อย่างยั่งยืนในยุค AI ได้อย่างมั่นคง Dev ที่อยู่รอดในยุคนี้คือคนที่รู้จักปรับตัว มีวิสัยทัศน์ ไม่หยุดเรียนรู้ และใช้ AI เป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “เครื่องทดแทน”
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังไม่แน่ใจว่าเส้นทาง Dev จะเป็นยังไงต่อ 😶ลองเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ เช่น ทดลองใช้ AI เขียนโค้ดให้คุณสักฟีเจอร์ แล้วลองปรับปรุงมันเองดู แล้วคุณจะเห็นว่า AI ไม่ได้แย่งงานเรา แต่มันแค่เปิดประตูให้เรา “เติบโตเร็วขึ้น” 😀เท่านั้นเอง