Sitemap
Press enter or click to view image in full size

Data Analysis คืออะไร?

3 min readSep 20, 2023

--

Press enter or click to view image in full size

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน วันนี้จะมาพูดถึง Data Analysis ว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจในปัจจุบัน?

Data Analysis คือ ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อหาข้อสรุปของข้อมูลนั้น เป็นการนำข้อมูลที่ได้มาเข้าสู่กระบวนการแสดงค่า หาความหมาย และสรุปผลที่ได้จากข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการคาดการณ์อนาคต หาแนวโน้มความน่าจะเป็น แนวโน้มคำตอบ หรือจุดบอดที่ต้องแก้ไข ทั้งหมดนี้สามารถช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจได้

การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นกระบวนการที่ใช้ในหลาย ๆ สายงานและอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจ, การแพทย์, การวิจัยวิทยาศาสตร์, การการเงิน, และอื่น ๆ การเตรียมข้อมูล, การวิเคราะห์, และการสร้างสรรค์ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญในการดึงความรู้และความคิดสร้างสรรค์ออกจากข้อมูลที่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน

อ้างอิง : https://th.jobsdb.com/th/career-advice/article/data-analysis-skill

อ้างอิง : https://careerfoundry.com/en/blog/data-analytics/inspirational-data-quotes/

จากข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในปัจจุบันนั้น ข้อมูลมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีข้อมูลจำนวนที่มากขึ้น ดังนั้นการทำ Data Analysis จึงสำคัญต่อดำเนินธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้การทำ Data Analysis ยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การใช้ AI เพื่อประมวลผล หรือการสร้างระบบ Algorithm เพื่อจัดเรียงข้อมูลและแสดงผลอย่างเป็นระบบ

การทำ Data Analysis มีกี่ประเภท

Data Analysis สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis)

การเริ่มต้นธุรกิจ อาจจะดูเป็นเรื่องที่ยากในสายตาใครหลายคน เพราะจะต้องทำความเข้าใจและวิเคราะห์การตลาด ซึ่งช่วยกำหนดเป้าหมายและแบบแผนทางการตลาดทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งในขณะเดียวกันการที่จะจัดกิจกรรม หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ก็จะต้องทำการวิเคราะห์และศึกษาคู่แข่งด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้ประกอบการควรใช้ความรอบคอบในการวางแผนและวิเคราะห์การตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด

2. การทำเหมืองข้อมูล (Data Mining)

เป็นกระบวนการที่เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก โดยใช้ปัจจัยหลาย ๆ อย่างในการแยกข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ออกมาจาก Big Data ซึ่งเปรียบเสมือนเหมืองข้อมูล เพื่อใช้ในการวางแผนโฆษณาและการตลาดเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดี

การทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) มีด้วยกัน 3 ขั้นตอน ดังนี้

อ้างอิง : http://www.theinfofactory.com/th/data-analysis-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

1. ขั้นก่อนดำเนินงาน (Pre-processing)

ก่อนจะเริ่มดำเนินงานทำเหมืองข้อมูลได้นั้น จะต้องมีการจัดวางชุดข้อมูลก่อน เพราะเหมืองข้อมูลจะสามารถหาได้เพียงรูปแบบที่กำหนดในข้อมูลก่อนแล้ว ชุดข้อมูลที่กำหนดจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะมองเห็นรูปแบบ และสั้นกระชับพอที่จะขุดข้อมูลภายในเวลาจำกัดได้ เราสามารถนำข้อมูลจากสถานที่ต่าง ๆ เช่น ตลาดข้อมูล (Data Mart) และคลังข้อมูล (Data Warehouse) หรือเราจะกำหนดข้อมูลเองโดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะที่เรากำลังต้องการก็ได้เช่นกัน และต่อจากนนั้นให้นำข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องออก

2. ขั้นตรวจวัดผล (Results validation)

หลังจากนำชุดข้อมูลออกมาแล้วจะเป็นการตรวจวัดผล ข้อมูลที่พบอาจใช้ไม่ได้ทุกรูปแบบเสมอไป เนื่องจากการพบข้อมูลในโมเดลที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (Over Fitting) เราจึงต้องทำตัวอย่างข้อมูลมาทดลองและดูว่าใช้ได้จริงหรือไม่

3. ขั้นดำเนินการทำเหมืองข้อมูล (Data mining)

การทำ Data Mining เพื่อเปลี่ยนข้อมูลดิบที่ได้มาให้กลายเป็น ‘ฐานข้อมูล’ ที่มีคุณภาพ สำหรับนำไปใช้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องนั้น จะประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน คือ Collection, Understanding, Preparation, Modeling และ Evaluation

  • Collection คือ ขั้นตอนการ ‘รวบรวมข้อมูล’ จากหลาย ๆ แหล่ง รวมถึงจาก Big Data ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาทำให้เป็นข้อมูลชุดเดียวกัน ด้วยการกรอกข้อมูลเข้าระบบ Cloud และ Server ขององค์กรนั้น ๆ
  • Understanding คือ ขั้นตอนที่เป็นการ ‘ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูล’ ในเชิงลึก เช่น การทำความเข้าใจปัญหาของธุรกิจ, ทำความเข้าใจถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำถามในธุรกิจ รวมถึงโครงสร้าง ที่มาที่ไปของชุดข้อมูลนั้น ๆ
  • Preparation คือ การ ‘จัดเตรียมข้อมูล’ ที่ผ่านการคัดกรองและได้รับการยืนยันแล้ว โดยข้อมูลจะถูกจัดให้เป็นไปในรูปแบบฟอร์มต่าง ๆ (ซึ่งกระบวนการนี้สามารถสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมในเชิงลึกได้อีกครั้งเพื่อคุณภาพสูงสุด)
  • Modeling คือ ขั้นตอน ‘การจำลองข้อมูล’ ด้วยการกำหนดชุดข้อมูลขึ้นมาจาก Diagram (แผนภาพที่แสดงวิธีการแก้ปัญหา) เพื่อจำลองคาดการณ์ ประมาณค่า และแยกประเภทของชุดข้อมูลได้
  • Evaluation คือ ขั้นตอน ‘การประเมิน’ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการจำลองข้อมูลก่อนหน้านี้ จะถูกนำมาประเมินคุณภาพเพื่อหาความต้องการใหม่ ๆ และวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดในธุรกิจอีกด้วย

การทำ Data Mining ทั้ง 5 ขั้นตอนนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้สามารถ ‘เห็นภาพสถานการณ์ในปัจจุบันของธุรกิจ’ ได้อย่างชัดเจน ผ่านการสร้างแบบจำลองข้อมูล, การทดสอบหาความเป็นไปได้และการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ของธุรกิจ

อ้างอิง : https://www.amurta.com/blogs/the-art-of-data-mining-for-turning-data-into-insights/

แนะนำเครื่องมือที่ใช้งานร่วมกับการทำ Data Analysis

การสร้าง Framework หรือกรอบความคิดเพื่อทำความเข้าใจก่อนว่า Data ที่มีอยู่ในองค์กรนั้นเป็นประเภทไหน มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร จะทำให้สามารถลือกเครื่องมือที่เหมาะสมเข้ามาใช้งานได้โดย Tools ซึ่งขอยกตัวอย่าง 1 ประเภท ได้แก่

การใช้ Pivot Table ในการจัดเตรียมข้อมูล

Pivot Table เป็นเครื่องมือจาก Microsoft Excel ที่นิยมใช้กันในองค์กรสำหรับสรุปข้อมูลจำนวนมาก ๆ ให้ออกมาเป็นรูปแบบ Pivot Chart (ตารางหรือกราฟ) ที่รวดเร็วกว่าการใส่สูตรลงใน Excel ซึ่ง Pivot Table ถูกสร้างจากข้อมูลที่ต้องการสรุปผลจาก Worksheet และนำมาประมวลผลให้อ่านข้อมูลง่ายขึ้น

ต่อมา Pivot Table ได้ถูกอัปเกรดอีกขั้นจนกลายเป็น PowerPivot ซึ่งเป็น Add-in เสริมสำหรับโปรแกรม Excel เหมาะมากสำหรับการทำงานร่วมกับ Data Mining (หนึ่งในกระบวนการจากศาสตร์ Data Analysis ที่กล่าวถึงข้างต้น)

ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอน Modeling (การจำลองข้อมูล) รวมไปถึงการหาจุดเชื่อมโยงจากข้อมูลหลาย ๆ แหล่งจาก Analysis Service อื่น ๆ หรือ SQL ที่เป็นโปรแกรมสำหรับบริหารจัดการ Data ที่ดีที่สุดจาก Microsoft (เรียกว่าทำงานร่วมกันได้อย่างครบวงจร)

ซึ่งการวิเคราะห์ไปพร้อมกับเครื่องมือ Pivot Table นี้จะช่วยให้ ‘การจัดเตรียมข้อมูลที่มีความซับซ้อน, ข้อมูลเชิงตัวเลขต่าง ๆ’ ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะเทียบกันแล้ว Pivot Table นั้นมีระบบที่ไม่ต้องใช้สูตรในการคำนวณมากเท่า Excel (หากอยากทราบคู่มือการใช้งาน Pivot Table แบบละเอียดสามารถศึกษาได้เลยที่ Microsoft)

Press enter or click to view image in full size

อ้างอิง : https://thegrowthmaster.com/blog/data-analysis

ประโยชน์และความสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูล

หลังจากที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลรวมถึงองค์กรมากมายก็เผชิญกับ Digital transformation ทำให้การเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการกดสั่งอาหารออนไลน์ การเล่นโซเชียลมีเดียในเวลาว่าง ก็ล้วนถูกเก็บเป็นข้อมูลแทบทั้งสิ้น ทำให้เกิดเป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล หรือรู้จักกันในชื่อว่า Big Data ทำให้การนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในเชิงลึกเช่นการทำ Data Analysis กลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งประโยชน์ของการทำ Data Analysis คือ

  • ช่วยให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
  • เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในเชิงลึกและเฉพาะเจาะจงยิ่งกว่าเดิม
  • เห็นถึงจุดบกพร่อง หรือปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในกระบวนการทำงาน
  • ช่วยระบุความเสี่ยงต่าง ๆ ในธุรกิจที่อาจมาจากการตัดสินใจผิดพลาดหรือภัยคุกคามอื่น ๆ โดยวิเคราะห์จากข้อมูลมหาศาลที่มีอยู่
  • ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กร เช่น ส่วนงานที่เกี่ยวกับ Cyber Security สามารถนำข้อมูลเก่ามาตรวจสอบหาต้นตอของปัญหาในการถูกโจมตีได้ ฯลฯ

โดยการทำ Data Analysis จะเข้ามาช่วยให้คำตอบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น และนำไปสู่ผลกำไรที่โตขึ้นของธุรกิจ ภายใต้ความปลอดภัยที่มากขึ้นและความเสี่ยงที่น้อยลงได้

Analytics vs Analysis ต่างกันอย่างไร

‘Data Analysis’ คือ การนำเอาข้อมูลที่มีอยู่แล้วมาวิเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุของปัญหาของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และทำให้ทราบถึงปัจจัยและต้นตอของสาเหตุที่แท้จริง จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญคือ การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis) และการทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) จึงต่างจากการทำ ‘Data Analytics’ คือ การนำข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน หรือในอดีตมาวิเคราะห์ และทำนายอนาคต ซึ่งต้องใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลทั้ง 4 รูปแบบ ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบพื้นฐาน (Descriptive Analytics) , การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเชิงวินิจฉัย (Diagnostic Analytics), การวิเคราะห์แบบพยากรณ์ (Predictive Analytics) และการวิเคราะห์แบบให้คำแนะนำ (Prescriptive Analytics) จึงจะทำให้ได้คำตอบ

ตัวอย่างการใช้ Data Analytics ในธุรกิจ

Press enter or click to view image in full size

สำหรับตัวอย่างการใช้ Data Analytics ในเชิงธุรกิจจะขอยกตัวอย่างเป็นของบริษัท Netflix ที่เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแบบต้องเป็นสมาชิก ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้ใช้งาน Netflix แล้วทั่วโลกกว่า 163 ล้านคน ทำให้มีข้อมูลมากพอสำหรับการนำมาวิเคราะห์ในเชิงลึกเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นได้

โดยทาง Netflix ได้ทำการรวบรวมข้อมูลทุกประเภทจากทางสมาชิก ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับชมภาพยนตร์ และพฤติกรรมการดูต่าง ๆ แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อหาจุดเชื่อมโยงของความสัมพันธ์ ซึ่งทำให้มองเห็นถึงพฤติกรรมโดยละเอียดของผู้ใช้ในแต่ละรายมากขึ้น และสุดท้ายสามารถพัฒนา Algorithm ในการแนะนำภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิด User Experience ที่ดีในการใช้งานจนกลายเป็นสตรีมมิ่งที่ครองใจทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ รวมถึงครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากยิ่งขึ้นในทุกๆ ปีด้วย

อ้างอิง : https://www.enablesurvey.com/article-detail/8203f1de-8aca-4207-a7f5-348eb1cce3d3/data-analytics

บทสรุป

Data Analysis เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยในการทำความเข้าใจและนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจหรือดำเนินงานต่าง ๆ ในองค์กรหรือธุรกิจ และด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจในข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ถูกต้องและมีการสนับสนุนจากข้อมูล

อย่างไรก็ตามในการนำข้อมูลมาใช้งานนั้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังเพิ่มเติมคือ การใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ต้องไม่ขัดต่อกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

--

--

No responses yet