CC 2024 Review

Datafarm
4 min readMay 8, 2024

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การสอบ Certificate อย่าง Certified in Cybersecurity หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า CC ครับ เผื่อคุณผู้อ่านท่านไหนมีแพลนที่จะไปสอบ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลและแนวทางในการเตรียมตัวล่วงหน้ากันครับ

Certified in Cybersecurity℠ (CC) คืออะไร

Certified in Cybersecurity℠ หรือ CC เป็นใบเซอร์ของ ISC2 ซึ่งเป็น Entry-level certification เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นสาย Security เพราะใบเซอร์ตัวนี้ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถสอบได้ โดยเนื้อหาของเซอร์ตัวนี้จะออกแนวกว้าง ๆ ของสาย Security ทำให้เข้าใจภาพรวมของ Cybersecurity และสามารถนำไปต่อยอดกับความรู้ในด้านอื่น ๆ ได้ครับ ซึ่งเนื้อหาในข้อสอบจะไม่ได้ลงลึกในด้านเทคนิคมาก แต่จะมีการลงลึกในด้านของความเข้าใจกับหัวข้อที่เราจะสอบกันครับ (เน้น คิด วิเคราะห์) รวมถึงจะไม่มีแล็บในการทำด้วยครับ ใครที่เป็นสายอ่านไม่ควรพลาดใบเซอร์ตัวนี้เลยครับ

สำหรับ ISC2 จะมีทั้งคอร์สเรียน pre/post test และสอบครับ โดยเซอร์ CC นี้ครบจบในที่เดียวเลย (เรียนออนไลน์ / สอบ on-site) ทำให้สะดวกสบายไม่ต้องหาที่อ่านเนื้อหาเอง และที่สำคัญที่สุดคือ “สอบฟรี” เพราะทาง ISC2 จะมีโควต้าให้ประจำปีจำนวณ 1ล้านสิทธิ์ ในการใช้โค้ดที่ได้จากในเว็บไซต์มาใส่ตอนที่เราจะทำการชำระเงินตอนซื้อคอร์สครับ โดยรายละเอียดเพิ่มสามารถเข้าไปดูที่เว็บไซด์ ISC2 ข้างล่างได้เลยครับ https://www.isc2.org/certifications/cc , https://www.isc2.org/landing/1mcc

***ข้อควรระวัง***

  • ผู้เข้าสอบต้องเป็นผู้สมัคร ISC2 จึงจะสามารถลงทะเบียนในหลักสูตรฟรีนี้ และเข้าถึงเนื้อหาหลักสูตรได้ 180 วัน ซึ่งหลักสูตรฟรีเป็นข้อเสนอครั้งเดียว
  • ระวังเรื่องการสร้างหลายบัญชีเพื่อลงทะเบียนซ้ำในการฝึกอบรมฟรีหรือสมัครรหัสการสอบฟรีอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดนโยบายการสอบ ISC2 และอาจทำให้ผลการสอบของคุณเป็นโมฆะ และอาจส่งผลให้ถูกแบนชั่วคราวหรือถาวรจากการสอบ ISC2 ได้

สำหรับเป้าหมายในหัวข้อนี้ ผมจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้

  1. เงื่อนไขในการสอบและเกณฑ์ในการสอบผ่าน
  2. เนื้อหาที่ใช้สอบ
  3. การเตรียมตัวสอบ
  4. สรุป

1. เงื่อนไขในการสอบและเกณฑ์ในการสอบผ่าน

1.1 สถานที่สอบ

โดยในตอนที่เราสมัครสอบจะมีสถานที่ของ Pearson VUE Testing Center ให้เราสามารถเลือกไปสอบได้ ซึ่งศูนย์สอบส่วนใหญ่จะอยู่ตาม MRT ครับ สามารถเลือกและเดินทางได้สะดวก ซึ่งการสอบจะเป็นรูปแบบ on-site เท่านั้น

1.2 ระยะเวลาสอบ

จะมีระยะเวลา 2 ชั่วโมง ในการทำข้อสอบ

(ข้อแนะนำ เวลา 2 ชั่วโมงที่มีค่อนข้างน้อยครับ เพราะโจทย์จะเน้นไปทางวิเคราะห์เยอะมาก ทำให้เสียเวลาบางข้อเยอะ เพราะฉะนั้นต้องแบ่งเวลาให้ดี)

1.3 ข้อสอบ

Multiple choice 100 ข้อ

(ข้อแนะนำ ในกรณีของผม เครื่องสอบไม่สามารถย้อนกลับได้ครับ ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่าสามารถย้อนกลับไปทำได้ไหม ในกรณีบางคนไม่อยากเสียเวลาข้อยากข้ามไปก่อน และมีข้อสอบหลายชุดเป็นการสุ่มมา)

1.4 เกณฑ์ในการสอบผ่าน

ต้องได้คะแนน 700/1000 ขึ้นไป

(แต่ข้อควรระวังคือ เราต้องคะแนนผ่านในแต่ละ part ของข้อสอบด้วย โดยข้อสอบจะมี 5 หัวข้อใหญ่ ซึ่งผมจะพูดกันต่อในส่วนถัดไป)

1.5 ภาษา

โดยปัจจุบันข้อสอบมีการรองรับ ภาษาถึง 6 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และสเปน แต่ว่าคอร์สเรียนของทาง ISC2 จะมีแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น

***สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเตรียมบัตรประชาชนและพาสปอร์ตที่ไม่หมดอายุไปยื่นสำหรับการเข้าสอบ เพราะทาง ISC2 จะใช้เกณฑ์ คือต้องแสดงหลักฐานการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าสอบ 2 อย่าง โดยทั้ง 2 ต้องมีชื่อ-นามสกุลที่ลงชื่อสอบ รวมถึง 1 ในนั้นต้องมีรูปถ่าย และมีลายเซ็น เพราะฉะนั้นจะไม่สามารถใช้บัตรประชาชนและใบขับขี่ได้นะครับ ในก่อนช่วงวันสอบจะมีอีเมลแจ้งมาอีกที อ่านให้ละเอียดเผื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ***

สำหรับผลสอบ จะมีการประกาศผลสอบทันทีหลังสอบเสร็จ และเมื่อผ่านการทดสอบ จะต้องทำการจ่ายค่ารับใบเซอร์ 50usd ในภายหลัง 3–4 วัน ผ่านทางออนไลน์ในเว็บไซด์ ISC2 ครับ โดยจะมีการแบ่งจำนวนข้อสอบตามเปอร์เซ็นตามรูปด้านล่างนี้เลยครับ 5 หัวข้อใหญ่

และอย่างที่ได้บอกไป เราจะไม่สามารถทิ้งบางหัวข้อได้ครับ เช่น ทิ้งหัวข้อที่เปอร์เซ็นน้อย ไป เน้นที่เปอร์เซ็นเยอะ เพื่อให้ถัวเฉลี่ย ได้ 70 เปอร์เซ็นขึ้นไป ในส่วนตรงนี้ผมไม่สามารถคอมเฟิร์มได้ 100 เปอร์เซ็น เพราะไม่ได้มีการบอกอย่างเป็นทางการจาก ISC2 แต่จากประสบการณ์เพื่อนรอบตัวที่ไปสอบมา มีความเห็นตรงกันว่าต้องทำทุกหัวข้อให้ผ่านเกณฑ์ ซึ่งใบประกาศผลสอบไม่ได้บอกด้วยว่าเกณฑ์ของแต่ละหัวข้อคือเท่าไหร่ แต่จะบอกว่าสอบผ่าน สอบตก หรือเกือบผ่านครับ

2. เนื้อหาที่ใช้สอบ

โดยเนื้อหาที่ใช้สอบ จะมีทั้งหมด 5 หัวข้อใหญ่ ดังนี้

2.1 Security Principles

โดยส่วนนี้จะเป็นเนื้อหาคอนเซ็ปพื้นฐานของด้าน security การจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้น, กฎเกณฑ์ที่ต้องใช้ในด้าน security

Module 1: Understand the Security Concepts of Information Assurance

Module 2: Understand the Risk Management Process

Module 3: Understand Security Controls

Module 4: Understand Governance Elements

Module 5: Understand ISC2 Code of Ethics

2.2 Incident Response, Business Continuity and Disaster Recovery Concepts

— โดยส่วนนี้จะเน้นไปที่การรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด จะเป็นมาตรการต่าง ๆ ที่ใช้ในการรับมือกับภัยคุกคามทาง Cyber Security ซึ่งมีความรุนแรงแต่ละระดับ เพื่อควบคุมสถานการณ์

Module 1: Understand incident response

Module 2: Understand business continuity (BC)

Module 3: Understand disaster recovery (DR)

2.3 Access Control Concepts

— โดยส่วนนี้จะเป็นเรื่องของสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลหรือสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความสำคัญของแต่ละกลุ่มบุคคลที่ควรจะได้รับ เช่น คนของกลุ่ม Sale ไม่ควรที่จะเข้าถึงข้อมูลของกลุ่ม IT ได้

Module 1: Understand Access Control Concepts

Module 2: Understand Physical Access Controls

Module 3: Understand Logical Access Controls

2.4 Network Security

— โดยส่วนนี้จะเป็นเนื้อหาพื้นฐานของด้าน Network ที่ควรรู้

Module 1: Understand Computer Networking

Module 2: Understand Network (Cyber) Threats and Attacks

Module 3: Understand Network Security Infrastructure

Module 4: Summary

2.5 Security Operations

— โดยส่วนนี้จะเป็นพื้นฐานของด้าน Security ไม่ว่าจะเป็นการรักษาข้อมูล, การตื่นตัวต่อภัยคุกคามทางด้าน Cyber Security

Module 1: Understand Data Security

Module 2: Understand System Hardening

Module 3: Understand Best Practice Security Policies

Module 4: Understand Security Awareness Training

3. การเตรียมตัวสอบ

สำหรับการเตรียมตัวสอบสำหรับมือใหม่ ผมคิดว่าใช้เวลาประมาณ 1–2 เดือน โดยผมต้องบอกตามตรงครับว่า เพียงแค่ตัวคอร์สของ ISC2 ไม่เพียงพอต่อการสอบครับ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อสอบชุดที่เจอด้วย) โดยส่วนตัวผมอ่าน

3.1 คอร์ส ISC2 + pre/post test

โดยเริ่มจากการอ่านคอร์ส ISC2 + pre/post test ก่อนครับ เพราะตรงนี้จะเป็นเหมือนฐานเนื้อหาหลักของเราครับ ว่าโดยรวมจะมีอะไรบ้างที่เราต้องใช้สอบ ซึ่งแน่นอนจะมีทั้งน้ำและเนื้อในคอร์สนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องสังเกตเอาเอง แต่โดยรวมถือว่าดีครับ และควรอ่านให้ครบครับ

ในขณะที่อ่านส่วนนี้ผมแนะนำว่า รอบแรกอาจจะต้องพยายามจำให้ได้ก่อน ว่าคำศัพนี้คืออะไร กระบวนการเป็นอย่างไร พอเรารู้พวกนี้แล้ว รอบต่อไปเราควรจะต้องรู้หัวข้อย่อยต่าง ๆ ลงให้ลึกขึ้น รวมถึงต้องแยกความแตกต่างให้ได้ด้วย ตัวอย่าง IR, BC , DR ทั้งหมดนี้ก็เป็นแผนการรับมือเมื่อเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด แต่อะไรคือข้อแตกต่างล่ะ กระบวนการไหนควรเกิดขึ้นก่อน เหตุการไหนควรใช้อะไร แต่ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่า ข้อสอบจะไม่ได้ถามเรา เช่น IR , BC , DR อันไหนเกิดก่อนเกิดหลัง แต่จะถามในเชิงว่า มีเหตุการณ์นึงเกิดขึ้น อันไหนเหมาะสมที่สุด ที่เราจะใช้รับมือ ซึ่งมันจะมีความกำกวมพอสมควร และมันมักจะมี 2 ตัวเลือกเสมอที่เรารู้สึกว่าตอบได้ทั้งคู่ นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกว่าเราต้องรู้ให้ลึกพอประมาณและทำความเข้าใจของแต่ละอัน รวมถึงเข้าใจความแตกต่างของมัน ซึ่งในโจทย์หรือคำตอบ มักจะมี key word ในการบ่งบอกว่ามันควรจะต้องตอบอะไรมากกว่าครับ ซึ่งเราต้องหาให้เจอ

สำหรับความเห็นส่วนตัว คอร์ส ISC2 มีการให้ key word ค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่มันก็มาพร้อมกับเนื้อหาที่เยอะครับ ซึ่งมันจะแฝงอยู่ในตัวเนื้อหา โจทย์ท้ายบท pre-test post-test สังเกตให้ดีครับ ยิ่งถ้าเจอโจทย์ที่คำตอบเหมือนกัน แต่คำถามใช้คำศัพท์ไม่เหมือนกันยิ่งต้องสังเกตหา key word หาจุดร่วมกันให้ได้ครับ

3.2 Cert Prep: ISC2 Certified in Cybersecurity (CC) With Mike Chapple Cert Prep: ISC2 Certified in Cybersecurity (CC) (linkedin.com) ฟังคลิปฟรี 1 เดือน

ในส่วนของ Mike chapple จะเป็นในรูปแบบคลิปให้นั่งฟัง ซึ่งเนื้อหาค่อนข้างสรุปมาให้แล้วครับ ถือว่ากระชับได้ใจความดีเลยเลย และจะมีเนื้อหาในส่วนที่ ISC2+ pre/post test ไม่มี แนะนำว่าควรฟังเหมือนกันเพราะไม่ได้ใช้เวลามาก ยิ่งถ้าเราอ่านส่วนแรกมาแล้ว มันจะทำให้ไปได้ไวขึ้น ถือว่าเป็นการทบทวนความเข้าใจไปในตัวครับ และเช่นเดียวกันว่าจะไม่สามารถอ่านแค่ส่วนนี้ได้ เพราะมันก็ไม่มีเนื้อหาบางส่วนของ ISC2+ pre/post test เช่นกัน ความเห็นส่วนตัวในส่วนนี้จะหา key word ของแต่ละหัวข้อยากครับ เพราะเนื้อหาเป็นแบบฟัง ถึงจะมีซับก็จริง แต่จะสังเกตยากกว่าแบบอ่านคอร์ส ISC2 แน่นอน แต่จะได้ภาพรวมคอนเซ็ปต์ง่ายกว่าครับ

3.3 หาข้อมูลเพิ่มเติมของหัวข้อย่อยที่เราไม่เข้าใจตาม google

การหาความรู้เพิ่มเติมจากตาม google ต้องบอกก่อนว่าสำหรับคนที่ไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานในด้านนี้มาจะต้องเจอเนื้อหาที่รู้สึกเข้าใจยากอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นไม่ควรปล่อยผ่าน ควรไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมเอาจากแหล่งความรู้อื่น ๆ เพราะเนื้อหาที่กำกวม รู้สึกเข้าใจยาก อาจทำให้เราแยกความแตกต่างไม่ค่อยออก ซึ่งเรื่องนั้นแหละครับที่จะออกสอบ

โดยส่วนตัวผมได้จดสรุปเนื้อหาทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมาไว้ และไฮไลต์ส่วนที่รู้สึกว่าสำคัญของแต่ละหัวข้อไว้ทั้งหมด เพราะเวลาที่กลับมาอ่านอีกรอบผมจะอ่านได้เร็วมากขึ้นรวมถึงได้อ่านเนื้อหาที่สำคัญ และจำได้แม่นขึ้น

4. สรุป

โดยสรุปแล้วข้อสอบ CC นั้นไม่ได้ยากและง่ายซะทีเดียวครับ สิ่งสำคัญคือการเตรียมตัวอ่านแต่ละหัวข้อให้ค่อนข้างเข้าใจลึกซึ้งในระดับนึงครับ เพราะข้อสอบเป็นแนว คิด วิเคราะห์ จริง ๆ ไม่สามารถแค่รู้ว่าอันนี้คืออะไรคร่าว ๆ ได้ และตอนทำข้อสอบมันจะกำกวมเสมอ (ส่วนใหญ่คือกำกวม/ส่วนน้อยคือคำถามตรงตัวถ้ารู้คือตอบได้เลย) คำตอบจะทำให้เรารู้สึกว่าตอบได้หลายข้อเสมอ วิธีแก้คือ เราต้องหา key word จาก โจทย์หรือคำตอบ ให้ได้ว่ามันควรจะตอบอันไหนมากกว่า ถ้าไม่รู้แล้วอะไรแล้วจริง ๆ อย่างน้อยต้องตัดตัวเลือกให้เหลือสัก 2 ตัวเลือก แล้ววัดดวงเอาครับ

สุดท้ายนี้ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่จะไปสอบ CC — Certified in Cybersecurity ครับ นำแนวทางนี้ไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง ขอให้โชคดีในการสอบ ขอบคุณครับ

--

--

No responses yet