สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการเปรียบเทียบการทดสอบเจาะระบบแบบ Automated และ Manual กันค่ะ ซึ่งการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) นั้น เป็นกระบวนการสำคัญที่องค์กรและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยใช้เพื่อทดสอบและค้นหาช่องโหว่ในระบบหรือแอปพลิเคชัน ในการทดสอบนี้มีทั้งวิธีในรูปแบบอัตโนมัติ (Automated Penetration Testing) และแบบแมนนวล (Manual Penetration Testing) ซึ่งในบทความนี้เราจะมาบอกว่าวิธีการทดสอบเจาระบบแต่ละวิธีนั้นคืออะไร แต่ละวิธีที่ใช้นั้นมีข้อดีและข้อเสียเเตกต่างกันอย่างไร เเละการเลือกใช้วิธีการทดสอบนั้นเลือกจากอะไร ซึ่งการเลือกใช้วิธีการทดสอบที่เหมาะสมกับเป้าหมายและทรัพยากรขององค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งค่ะ
ความหมายของการทดสอบเจาะระบบนั้นคืออะไร?
การทดสอบเจาะระบบคือการจำลองการโจมตีโดยให้นักทดสอบเจาะระบบนั้นทำการโจมตีหรือเจาะระบบ (โดยที่ได้รับอนุญาตจากองค์กร) เหมือนถูกแฮกเกอร์โจมตีระบบจริง เพื่อระบุและแนะนำแนวทางในการแก้ไขจุดอ่อนในระบบนั้น ๆ ซึ่งในการทดสอบนี้จะช่วยให้องค์กรเข้าใจจุดที่ระบบของตนเองอาจถูกโจมตีและสามารถป้องกันได้ทันก่อนที่ภัยคุกคามจริงจะเกิดขึ้น
Automated Penetration Testing คืออะไร?
Automated Penetration Testing หรือการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติซึ่งจะเป็นการใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสแกนตรวจสอบและค้นหาช่องโหว่ที่อาจมีในระบบขององค์กร การทดสอบนี้เหมาะสำหรับการตรวจสอบขั้นพื้นฐานที่ต้องการความรวดเร็ว และสามารถทำซ้ำได้โดยง่าย เช่น การใช้โปรแกรมสแกนช่องโหว่ (Vulnerability Scanners) เช่น Acunetix ,Qualys ,Zed Attack Proxy ,OpenSCAP ,HCL Appscan เป็นต้น นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีแพลตฟอร์มอื่นอีกมากที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการทำ Automated Penetration Testing โดยเฉพาะ เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงหรือช่องโหว่บนเว็บแอปพลิเคชันหรือระบบ
ข้อดีของ Automated Penetration Testing
- รวดเร็วและประหยัดเวลา: เครื่องมือทดสอบอัตโนมัติสามารถสแกนและทดสอบระบบขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับการทดสอบแบบแมนนวล ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน
- ให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและลดความผิดพลาด: การทดสอบแบบอัตโนมัติให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและแม่นยำทุกครั้งที่รัน ลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากมนุษย์และช่วยให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่า: โดยทั่วไปการทดสอบแบบอัตโนมัติใช้ต้นทุนน้อยกว่าการทดสอบแบบแมนนวล เนื่องจากไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์จำนวนเยอะเท่ากับการทดสอบแบบแมนนวล
- ทดสอบครอบคลุมช่องโหว่: เครื่องมืออัตโนมัติสามารถตรวจสอบและครอบคลุมช่องโหว่ที่พบบ่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงที่ระบบจะถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ที่รู้จักทั่วไป
- การทดสอบแบบอัตโนมัติสามารถขยายขนาดได้ง่าย(Scalability) : การทดสอบแบบอัตโนมัติเหมาะสำหรับทดสอบระบบขนาดใหญ่ที่การทดสอบแบบแมนนวลอาจครอบคลุมได้ยาก เนื่องจากเครื่องมืออัตโนมัติสามารถรันหลายการทดสอบพร้อมกันได้ ขณะที่การทดสอบแบบแมนนวลทำได้ทีละหนึ่ง
ข้อเสียของ Automated Penetration Testing
- อาจพบผลลวง (False Positives): การทดสอบอัตโนมัติอาจทำให้เกิดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดหรือระบุช่องโหว่ที่ไม่สามารถถูกนำไปใช้โจมตีได้จริง ซึ่งอาจทำให้องค์กรเสียเวลาในการตรวจสอบเพิ่มเติม
- ขาดความสามารถในการวิเคราะห์รายละเอียดตามสถานการณ์: การทดสอบโดยใช้เครื่องมืออัตโนมัติอาจไม่สามารถตรวจพบช่องโหว่ที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจจากมนุษย์ รวมถึงความเข้าใจในแอปพลิเคชันหรือระบบที่มีความเฉพาะตัวได้
- ความลึกในการทดสอบ(Depth of Testing)ที่น้อยกว่า: การทดสอบอัตโนมัติบางครั้งขาดความละเอียดและการคิดวิเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ที่ผู้ทดสอบที่เป็นมนุษย์สามารถทำได้ การทดสอบโดยมนุษย์มักจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการและการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งกว่า ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจพบช่องโหว่ที่ซับซ้อนและเจาะลึกมากขึ้น
- ผลการทดสอบขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องมืออัตโนมัติมากเกินไป: ประสิทธิภาพของการทดสอบอัตโนมัติขึ้นอยู่กับคุณภาพและความทันสมัยของเครื่องมือที่ใช้เป็นอย่างมาก
Manual Penetration Testing คืออะไร?
Manual Penetration Testing หรือการทดสอบเจาะระบบแบบแมนนวล คือการที่ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบช่องโหว่โดยอาศัยความรู้และทักษะเชิงลึกหรือใช้เทคนิคแบบแฮกเกอร์ในการประเมินระบบ การทดสอบแบบแมนนวลนี้เป็นที่นิยมในงานที่ต้องการความละเอียดถี่ถ้วนหรือการประเมินเชิงลึกมากกว่าการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ
ข้อดีของ Manual Penetration Testing
- ปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบตามสถานการณ์: ผู้ทดสอบที่เป็นมนุษย์สามารถปรับเปลี่ยนการทดสอบได้ตามสถานการณ์จริง สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบได้ตามข้อมูลใหม่ที่พบและภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
- ลดผลลวง (False Positives): ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบและยืนยันช่องโหว่จริงจากการทดสอบ ลดการใช้เวลาในการตรวจสอบผลลวง (False Positives) ทำให้มั่นใจว่าช่องโหว่ที่พบสามารถถูกนำไปใช้โจมตีได้จริง
- เข้าใจบริบทการใช้งานจริงของระบบ: ผู้เชี่ยวชาญสามารถประเมินช่องโหว่โดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อธุรกิจ และจัดลำดับความรุนแรงของช่องโหว่ได้อย่างเหมาะสม
- ความลึกในการทดสอบ(Depth of Testing)ที่มากกว่า: ผู้ทดสอบที่เป็นมนุษย์สามารถคิดสร้างสรรค์เหมือนแฮ็กเกอร์ ทำให้ค้นพบช่องโหว่ที่ซับซ้อนได้ ซึ่งเครื่องมืออัตโนมัติอาจมองข้าม
- รายงานผลช่องโหว่ละเอียดกว่า: รายงานจากการทดสอบแบบแมนนวลจะมีความละเอียดและอธิบายช่องโหว่ได้อย่างครอบคลุม โดยอธิบายวิธีค้นหา วิธีเจาะระบบ และให้คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้ ช่วยให้องค์กรจัดลำดับและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของ Manual Penetration Testing
- ใช้เวลานาน: การทดสอบแบบแมนนวลมักใช้เวลานานกว่าเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ เนื่องจากต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่า: โดยทั่วไปแล้วการทดสอบแบบแมนนวลมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเเละใช้จำนวนคนมากกว่าการทดสอบแบบใช้เครื่องมืออัตโนมัติ
- มีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์: การทำงานแบบแมนนวลอาจเกิดความผิดพลาดได้หากผู้ทดสอบไม่มีทักษะและประสบการณ์เพียงพอ หรือเกิดจากความล้าของผู้ทดสอบเอง
- ผลการทดสอบขึ้นอยู่กับประสบการณ์ผู้ทดสอบ: ผลลัพธ์การทดสอบอาจแตกต่างกันไปตามทักษะและประสบการณ์ของผู้ทดสอบแต่ละคน
- ขยายขนาดการทดสอบได้ยาก(Scalability): การทดสอบแบบแมนนวลไม่เหมาะกับการทดสอบระบบขนาดใหญ่ หรือการทดสอบอย่างต่อเนื่อง
ข้อควรคำนึงในการเลือกใช้ Automated และ Manual Penetration Testing
การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้การทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติหรือการทดสอบแบบแมนนวล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ ดังนี้:
- ขอบเขตของการทดสอบ: หากเป็นระบบขนาดเล็กที่ต้องการการวิเคราะห์เชิงลึกและเฉพาะเจาะจง การทดสอบแบบด้วยแมนนวลอาจเหมาะสมกว่า เนื่องจากผู้ทดสอบสามารถปรับแต่งการวิเคราะห์ได้ตามความซับซ้อนของระบบ ในขณะที่ระบบขนาดใหญ่ที่มีหลายส่วนประกอบ การทดสอบแบบอัตโนมัติอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะสามารถสแกนช่องโหว่ได้ทั่วถึงในเวลาสั้นกว่า
- งบประมาณและทรัพยากร: การทดสอบแบบอัตโนมัติช่วยลดต้นทุนได้ เนื่องจากไม่ต้องใช้แรงงานมาก อย่างไรก็ตาม การทดสอบแบบแมนนวลอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เพราะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงในการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีข้อดีในเรื่องความละเอียดของการตรวจสอบ
- ความเสี่ยงและความสำคัญของระบบ: สำหรับระบบที่มีความสำคัญสูงและต้องการการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด การทดสอบแบบแมนนวลจะช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้น เพราะผู้ทดสอบสามารถพิจารณาความเสี่ยงในบริบทของธุรกิจและหาช่องโหว่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำกว่า
- ความถี่ในการทดสอบ: การทดสอบแบบอัตโนมัติเหมาะสำหรับระบบที่ต้องการทดสอบบ่อยครั้งและซ้ำๆ เนื่องจากสามารถรันการทดสอบตามกำหนดเวลาได้อย่างสม่ำเสมอ และลดภาระงานของทีมรักษาความปลอดภัยได้
สรุป
วิธีการทดสอบการเจาะระบบทั้งแบบแมนนวลและแบบอัตโนมัติมีข้อดีเฉพาะตัวและข้อจำกัดเฉพาะตัวที่เเตกต่างกัน เพื่อให้ได้การทดสอบความปลอดภัยที่ครอบคลุม องค์กรมักใช้ทั้งการทดสอบแบบอัตโนมัติและแบบแมนนวลร่วมกัน เพื่อการผสานจุดเด่นของทั้งสองวิธี ช่วยให้ระบบเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีได้ ทั้งนี้การเลือกใช้วิธีใดควรพิจารณาจากความต้องการ ทรัพยากร และเป้าหมายเฉพาะของแต่ละองค์กร ดังนั้นอย่าลืมมาใช้บริการทดสอบเจาะระบบของดาด้าฟาร์มกันนะคะ
Reference
- https://www.getastra.com/blog/security-audit/automated-vs-manual-penetration-testing/
- https://amatas.com/blog/the-pros-and-cons-of-manual-and-automated-penetration-testing/
- https://www.breachlock.com/resources/blog/manual-pentesting-versus-automated-pentesting-explained/
- https://www.wattlecorp.com/manual-vs-automated-penetration-testing/
- https://blog.securelayer7.net/automated-vs-manual-pen-testing/
- https://www.frugaltesting.com/blog/choosing-between-automated-and-manual-penetration-testing
- https://qualysec.com/manual-vs-automated-penetration-testing-pros-and-cons/
- https://tangiblesecurity.com/manual-versus-automated-penetration-testing/
- https://www.infosecinstitute.com/resources/penetration-testing/automated-penetration-testing/#:~:text=Automated%20penetration%20testing%20is%20the%20practice%20of%20using,identify%20weaknesses%20in%20your%20systems%2C%20networks%20and%20apps.