Automated vs Manual Penetration Testing

Datafarm
2 min readNov 6, 2024

สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการเปรียบเทียบการทดสอบเจาะระบบแบบ Automated และ Manual กันค่ะ ซึ่งการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) นั้น เป็นกระบวนการสำคัญที่องค์กรและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยใช้เพื่อทดสอบและค้นหาช่องโหว่ในระบบหรือแอปพลิเคชัน ในการทดสอบนี้มีทั้งวิธีในรูปแบบอัตโนมัติ (Automated Penetration Testing) และแบบแมนนวล (Manual Penetration Testing) ซึ่งในบทความนี้เราจะมาบอกว่าวิธีการทดสอบเจาระบบแต่ละวิธีนั้นคืออะไร แต่ละวิธีที่ใช้นั้นมีข้อดีและข้อเสียเเตกต่างกันอย่างไร เเละการเลือกใช้วิธีการทดสอบนั้นเลือกจากอะไร ซึ่งการเลือกใช้วิธีการทดสอบที่เหมาะสมกับเป้าหมายและทรัพยากรขององค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งค่ะ

ความหมายของการทดสอบเจาะระบบนั้นคืออะไร?

การทดสอบเจาะระบบคือการจำลองการโจมตีโดยให้นักทดสอบเจาะระบบนั้นทำการโจมตีหรือเจาะระบบ (โดยที่ได้รับอนุญาตจากองค์กร) เหมือนถูกแฮกเกอร์โจมตีระบบจริง เพื่อระบุและแนะนำแนวทางในการแก้ไขจุดอ่อนในระบบนั้น ๆ ซึ่งในการทดสอบนี้จะช่วยให้องค์กรเข้าใจจุดที่ระบบของตนเองอาจถูกโจมตีและสามารถป้องกันได้ทันก่อนที่ภัยคุกคามจริงจะเกิดขึ้น

Automated Penetration Testing คืออะไร?

Automated Penetration Testing หรือการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติซึ่งจะเป็นการใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสแกนตรวจสอบและค้นหาช่องโหว่ที่อาจมีในระบบขององค์กร การทดสอบนี้เหมาะสำหรับการตรวจสอบขั้นพื้นฐานที่ต้องการความรวดเร็ว และสามารถทำซ้ำได้โดยง่าย เช่น การใช้โปรแกรมสแกนช่องโหว่ (Vulnerability Scanners) เช่น Acunetix ,Qualys ,Zed Attack Proxy ,OpenSCAP ,HCL Appscan เป็นต้น นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีแพลตฟอร์มอื่นอีกมากที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการทำ Automated Penetration Testing โดยเฉพาะ เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงหรือช่องโหว่บนเว็บแอปพลิเคชันหรือระบบ

ข้อดีของ Automated Penetration Testing

  1. รวดเร็วและประหยัดเวลา: เครื่องมือทดสอบอัตโนมัติสามารถสแกนและทดสอบระบบขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับการทดสอบแบบแมนนวล ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน
  2. ให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและลดความผิดพลาด: การทดสอบแบบอัตโนมัติให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและแม่นยำทุกครั้งที่รัน ลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากมนุษย์และช่วยให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
  3. ค่าใช้จ่ายถูกกว่า: โดยทั่วไปการทดสอบแบบอัตโนมัติใช้ต้นทุนน้อยกว่าการทดสอบแบบแมนนวล เนื่องจากไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์จำนวนเยอะเท่ากับการทดสอบแบบแมนนวล
  4. ทดสอบครอบคลุมช่องโหว่: เครื่องมืออัตโนมัติสามารถตรวจสอบและครอบคลุมช่องโหว่ที่พบบ่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงที่ระบบจะถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ที่รู้จักทั่วไป
  5. การทดสอบแบบอัตโนมัติสามารถขยายขนาดได้ง่าย(Scalability) : การทดสอบแบบอัตโนมัติเหมาะสำหรับทดสอบระบบขนาดใหญ่ที่การทดสอบแบบแมนนวลอาจครอบคลุมได้ยาก เนื่องจากเครื่องมืออัตโนมัติสามารถรันหลายการทดสอบพร้อมกันได้ ขณะที่การทดสอบแบบแมนนวลทำได้ทีละหนึ่ง

ข้อเสียของ Automated Penetration Testing

  1. อาจพบผลลวง (False Positives): การทดสอบอัตโนมัติอาจทำให้เกิดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดหรือระบุช่องโหว่ที่ไม่สามารถถูกนำไปใช้โจมตีได้จริง ซึ่งอาจทำให้องค์กรเสียเวลาในการตรวจสอบเพิ่มเติม
  2. ขาดความสามารถในการวิเคราะห์รายละเอียดตามสถานการณ์: การทดสอบโดยใช้เครื่องมืออัตโนมัติอาจไม่สามารถตรวจพบช่องโหว่ที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจจากมนุษย์ รวมถึงความเข้าใจในแอปพลิเคชันหรือระบบที่มีความเฉพาะตัวได้
  3. ความลึกในการทดสอบ(Depth of Testing)ที่น้อยกว่า: การทดสอบอัตโนมัติบางครั้งขาดความละเอียดและการคิดวิเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ที่ผู้ทดสอบที่เป็นมนุษย์สามารถทำได้ การทดสอบโดยมนุษย์มักจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการและการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งกว่า ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจพบช่องโหว่ที่ซับซ้อนและเจาะลึกมากขึ้น
  4. ผลการทดสอบขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องมืออัตโนมัติมากเกินไป: ประสิทธิภาพของการทดสอบอัตโนมัติขึ้นอยู่กับคุณภาพและความทันสมัยของเครื่องมือที่ใช้เป็นอย่างมาก

Manual Penetration Testing คืออะไร?

Manual Penetration Testing หรือการทดสอบเจาะระบบแบบแมนนวล คือการที่ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบช่องโหว่โดยอาศัยความรู้และทักษะเชิงลึกหรือใช้เทคนิคแบบแฮกเกอร์ในการประเมินระบบ การทดสอบแบบแมนนวลนี้เป็นที่นิยมในงานที่ต้องการความละเอียดถี่ถ้วนหรือการประเมินเชิงลึกมากกว่าการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ

ข้อดีของ Manual Penetration Testing

  1. ปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบตามสถานการณ์: ผู้ทดสอบที่เป็นมนุษย์สามารถปรับเปลี่ยนการทดสอบได้ตามสถานการณ์จริง สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบได้ตามข้อมูลใหม่ที่พบและภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
  2. ลดผลลวง (False Positives): ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบและยืนยันช่องโหว่จริงจากการทดสอบ ลดการใช้เวลาในการตรวจสอบผลลวง (False Positives) ทำให้มั่นใจว่าช่องโหว่ที่พบสามารถถูกนำไปใช้โจมตีได้จริง
  3. เข้าใจบริบทการใช้งานจริงของระบบ: ผู้เชี่ยวชาญสามารถประเมินช่องโหว่โดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อธุรกิจ และจัดลำดับความรุนแรงของช่องโหว่ได้อย่างเหมาะสม
  4. ความลึกในการทดสอบ(Depth of Testing)ที่มากกว่า: ผู้ทดสอบที่เป็นมนุษย์สามารถคิดสร้างสรรค์เหมือนแฮ็กเกอร์ ทำให้ค้นพบช่องโหว่ที่ซับซ้อนได้ ซึ่งเครื่องมืออัตโนมัติอาจมองข้าม
  5. รายงานผลช่องโหว่ละเอียดกว่า: รายงานจากการทดสอบแบบแมนนวลจะมีความละเอียดและอธิบายช่องโหว่ได้อย่างครอบคลุม โดยอธิบายวิธีค้นหา วิธีเจาะระบบ และให้คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้ ช่วยให้องค์กรจัดลำดับและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสียของ Manual Penetration Testing

  1. ใช้เวลานาน: การทดสอบแบบแมนนวลมักใช้เวลานานกว่าเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ เนื่องจากต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด
  2. ค่าใช้จ่ายสูงกว่า: โดยทั่วไปแล้วการทดสอบแบบแมนนวลมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเเละใช้จำนวนคนมากกว่าการทดสอบแบบใช้เครื่องมืออัตโนมัติ
  3. มีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์: การทำงานแบบแมนนวลอาจเกิดความผิดพลาดได้หากผู้ทดสอบไม่มีทักษะและประสบการณ์เพียงพอ หรือเกิดจากความล้าของผู้ทดสอบเอง
  4. ผลการทดสอบขึ้นอยู่กับประสบการณ์ผู้ทดสอบ: ผลลัพธ์การทดสอบอาจแตกต่างกันไปตามทักษะและประสบการณ์ของผู้ทดสอบแต่ละคน
  5. ขยายขนาดการทดสอบได้ยาก(Scalability): การทดสอบแบบแมนนวลไม่เหมาะกับการทดสอบระบบขนาดใหญ่ หรือการทดสอบอย่างต่อเนื่อง

ข้อควรคำนึงในการเลือกใช้ Automated และ Manual Penetration Testing

การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้การทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติหรือการทดสอบแบบแมนนวล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ ดังนี้:

  1. ขอบเขตของการทดสอบ: หากเป็นระบบขนาดเล็กที่ต้องการการวิเคราะห์เชิงลึกและเฉพาะเจาะจง การทดสอบแบบด้วยแมนนวลอาจเหมาะสมกว่า เนื่องจากผู้ทดสอบสามารถปรับแต่งการวิเคราะห์ได้ตามความซับซ้อนของระบบ ในขณะที่ระบบขนาดใหญ่ที่มีหลายส่วนประกอบ การทดสอบแบบอัตโนมัติอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะสามารถสแกนช่องโหว่ได้ทั่วถึงในเวลาสั้นกว่า
  2. งบประมาณและทรัพยากร: การทดสอบแบบอัตโนมัติช่วยลดต้นทุนได้ เนื่องจากไม่ต้องใช้แรงงานมาก อย่างไรก็ตาม การทดสอบแบบแมนนวลอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เพราะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงในการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ก็มีข้อดีในเรื่องความละเอียดของการตรวจสอบ
  3. ความเสี่ยงและความสำคัญของระบบ: สำหรับระบบที่มีความสำคัญสูงและต้องการการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด การทดสอบแบบแมนนวลจะช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้น เพราะผู้ทดสอบสามารถพิจารณาความเสี่ยงในบริบทของธุรกิจและหาช่องโหว่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำกว่า
  4. ความถี่ในการทดสอบ: การทดสอบแบบอัตโนมัติเหมาะสำหรับระบบที่ต้องการทดสอบบ่อยครั้งและซ้ำๆ เนื่องจากสามารถรันการทดสอบตามกำหนดเวลาได้อย่างสม่ำเสมอ และลดภาระงานของทีมรักษาความปลอดภัยได้

สรุป

วิธีการทดสอบการเจาะระบบทั้งแบบแมนนวลและแบบอัตโนมัติมีข้อดีเฉพาะตัวและข้อจำกัดเฉพาะตัวที่เเตกต่างกัน เพื่อให้ได้การทดสอบความปลอดภัยที่ครอบคลุม องค์กรมักใช้ทั้งการทดสอบแบบอัตโนมัติและแบบแมนนวลร่วมกัน เพื่อการผสานจุดเด่นของทั้งสองวิธี ช่วยให้ระบบเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีได้ ทั้งนี้การเลือกใช้วิธีใดควรพิจารณาจากความต้องการ ทรัพยากร และเป้าหมายเฉพาะของแต่ละองค์กร ดังนั้นอย่าลืมมาใช้บริการทดสอบเจาะระบบของดาด้าฟาร์มกันนะคะ

--

--

No responses yet